วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 13 เรื่อง การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์

บทที่ 13 เรื่อง การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์


สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์

สิ่งที่ถือว่าเป็นอันตรายสามารถทำร้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เสียหายก่อนถึงเวลาอันควรนั้น ได้แก่
1. ความร้อน
ความร้อนได้แก่ ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เอง และภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงานเป็นสาเหตุให้มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์บางส่วนสูญเสียออกมาในรูปของความร้อนซึ่งความร้อนนี้เองเป็นสาเหตุของความเสียหายกับอุปกรณ์ภายในเครื่อง

การแก้ปัญหาทำได้ดังนี้
1.1 ระบายความร้อนด้วยพัดลม หรือ Power Supply 
1.2 ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 60-85 องศา
1.3 ตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากแสงแดด 

2. ฝุ่นผง
ฝุ่นผงอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างเพราะฝุ่นผงสามารถเกาะพื้นผิวชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในเครื่องเช่น แผงวงจรภายใน เมื่อนานๆ ไปจะเคลือบหนาขึ้นและยึดติดแน่นจนทำให้เป็นฉนวนกั้นความร้อนทำให้แผงวงจรนั้นไม่สามารถระบายความร้อนได้ เป็นผลเสียต่อเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงควรกำจัดฝุ่นผงภายในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ในบ้านควรทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ภายในสำนักงานควรทำความสะอาดทุก 6 เดือน

3. แม่เหล็ก
แม่เหล็กไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงแต่จะสร้างความเสียหายกันข้อมูลที่อยู่แผ่นดิสก์หรือแม้กระทั่งฮาร์ดดิสก์ได้ ซึ่งอาจถึงขั้นใช้ดิสก์นั้นไม่ได้เลย

4. น้ำและของเหลว
น้ำและของเหลวเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์ได้ง่าย สาเหตุเพราะน้ำและของเหลวจะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้หลายทางด้วยกัน ทางที่ดีควรหาพลาสติกมาคลุมเครื่องไว้เมื่อไม่ใช้งาน

5. กระบวนการเกิดสนิม
ตัวการที่ก่อให้เกิดสนิมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งภายนอกและแผงวงจรภายในได้แก่
-เกลือและเหงื่อ
-น้ำ
-อากาศ
ปัญหาใหญ่คือ การเกิดสนิมที่อุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้หรือทำงานผิดพลาด เพราะฉะนั้น จึงควรระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดสนิม



10 วิธีง่ายๆในการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์

1.ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์บ้าง : วิธีการทำความสะอาดคอมพิวเตอร์นั้นไม่ยากอย่างที่เราคิดครับ แต่ก็ต้องทำให้ถูกหลักด้วยนะครับ เริ่มจากการถอดปลั๊กไฟก่อน และทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่า หรือน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ เช็ดส่วนต่างๆที่เป็นตัวเครื่องหรือกรอบหน้าจอ เมาส์ คีย์บอร์ด รวมถึงสายไฟคอมพิวเตอร์
2.เป่าฝุ่นหรือกำจัดฝุ่นที่อยู่บนตัวเครื่อง : สำหรับวิธีนี้แนะนำให้ใช้แปลงทาสีที่มีขนอ่อนๆ อาจจะเป็นแปรงด้ามไม้ไผ่หาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้างครับ เพราะหน้าจอหรือตัวเครื่องบางรุ่น หากใช้แปรงที่มีขนหนาอาจทำให้เป็นรอยได้ อย่าลืมใส่ผ้าปิดจมูกก่อนทำความสะอาดนะครับถ้าใครมีเครื่องเป่าฝุ่นหรือเป่าลม สามารถเป่าเครื่องได้นะครับเพื่อไล่ฝุ่นออกจากคอมพิวเตอร์
3.ตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ : วิธีนี้อาจยุ่งยากหน่อยสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดในด้านการช่างครับ เพราะต้องทำการเปิดฝาเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะต้องไขน็อตที่ล็อกฝาข้างอยู่ ควรตรวจเช็คพัดลมระบายความร้อนและสายไฟที่อยู่ภายในครับว่ายังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่าเพราะความร้อนก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์เสียได้เพราะอุปกรณ์สึกหรอ
4.จัดวางคอมพิวเตอร์ให้ถูกหลัก : สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ การจัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรวางให้ห่างจากกำแพง หรือมีช่องว่างด้านหลังจอประมาณ 1 ไม้บรรทัด ครับเพราะความร้อนที่กระจายออกมาจะได้มีการระบายที่โล่งและไม่เกิดอุณหภูมิสูง รวมถึงตัวเคสคอมพิวเตอร์ก็ควรตั้งในที่มีช่องระบายความร้อนให้ลมสามารถพัดเข้า-ออกได้  ผู้ที่ใช้โน้ตบุ้คก็เช่นเดียวกันครับ ควรยกระดับด้านล่างของโน้ตบุ้คให้มีช่องว่างระบายอากาศด้านล่างด้วย เนื่องจากโน้ตบุ้คจะมีความร้อนที่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป แนะนำให้หาพัดลมตัวเล็กๆ หรือพัดลมตั้งพื้นเป่าจะแน่นอนสุดครับ เย็นทั้งคนและเครื่อง
5.เข้าศูนย์หรือร้านซ่อมคอมใกล้บ้าน : วิธีนี้สำหรับคนที่ไม่สะดวกในการจัดการคอมพิวเตอร์ก็ต้องฝากให้เป็นงานของช่างคอมพิวเตอร์ช่วยตรวจสอบกันว่าอุปกรณ์ต่างๆยังอยู่ในสภาพดีไหม ก่อนตรวจเช็คสอบถามราคาในการดำเนินการก่อนนะครับ ^^
6.จัดการไฟล์ที่ไม่ได้ใช้แล้วหรือไม่สำคัญ : ไฟล์ต่างๆที่เราดาวน์โหลดมาหรือเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หากไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือไม่สำคัญก็ควรลบทิ้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ เพราะจะทำให้ไม่หนักเครื่องในส่วนของหน่วยความจำ จะได้พร้อมและมีทีว่างรับข้อมูลใหม่
7.จัดระเบียบโฟลเดอร์ต่างๆ : ในส่วนนี้จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและช่วยในเรื่องการทำงานของเราได้เลยครับเพราะหากเราจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาที่หาไฟล์ต่างๆก็จะสะดวกมากขึ้น เครื่องก็จะทำงานไม่หนักครับ
8.กำจัดและสแกนไวรัสในคอมพิวเตอร์ : วิธีนี้อาจต้องใช้เวลาหน่อยครับเพราะแน่นอนว่าสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์มานานข้อมูลต่างๆรูปภาพไฟล์เพลง งานต่างๆมากมายที่อยู่ในเครื่องมาจากหลากหลายที่ ทำให้มีไวรัสแฝงตัวอยู่ในโฟลเดอร์ต่างทั้งที่เราไม่รู้บ้าง ยิ่งข้อมูลมากยิ่งใช้เวลาสแกนนานมากขึ้น ลองหาโปรแกรมสแกนไวรัสสักตัวอย่างเช่น nod32 เพื่อให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่มีปัญหาครับ
9.ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานทิ้ง : หากเรารู้ว่าโปรแกรมไหนที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือเกมส์ต่างๆที่เราลงไว้ในคอมพิวเตอร์ไม่ได้เล่นเราควรจะลบออกครับเช่นเดียวกับโฟลเดอร์และไฟล์ เพราะจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่ทำงานหนักที่ต้องเตรียมโปรแกรมต่างๆคอยเสิร์ฟเวลาที่เราจะใช้งาน
10.หมั่นหาวิธีหรือการใช้งานที่ถูกต้อง : จริงๆแล้ววิธีนี้ก็คือการใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามพื้นฐานครับ เพราะถ้าเราไม่รู้หลักในการใช้งานแล้ว ตั้งแต่ข้อ 9 จนถึง 1 ที่กล่าวมาก็อาจทำให้เราละเลยในการดูแลรักษาคอมพิวเตอร์จากการใช้งานที่ไม่ถูกต้องได้ ไม่ยากครับเพียงแค่เราคอยเอาใจใส่ทั้งตัวเราและคอมพิวเตอร์ ต้องเริ่มจากตัวเราก่อนครับเพราะถ้าเราไม่ดูแลสุขภาพตัวเราก่อน เวลาที่เราจะดูแลคอมพิวเตอร์ก็จะมีน้อยลงครับ

บทที่ 12 เรื่อง การติดตั้งโปรแกรม Multimedia

บทที่ 12 เรื่อง การติดตั้งโปรแกรม Multimedia


การติดตั้ง Winamp โปรแกรมสำหรับเล่นเพลง mp3

winamp เป็นโปรแกรมสำหรับเล่นเพลงแบบ mp3 และสามารถเล่นเพลงในรูปแบบอื่นๆได้ด้วย มีหน้ากากหรือ Skin สำหรับเปลี่ยนแปลงหน้าตาได้ นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเพลงของ CD Audio ธรรมดาได้ มีการปรับแต่งเสียง และอื่นๆ อีกมากมาย ในบทนี้จะแนะนำวิธีการติดตั้งโปรแกรม Winamp Version 5.581 Full ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดได้จาก www.winamp.com 

วิธีการติดตั้งโปรแกรม  Winamp

1. เริ่มการติดตั้งโปรแกรมจะปรากฎ หน้าต่างตามรูปด้านล่าง ให้คลิก Next เพื่อดำเนินการต่อไป

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

2. License Agreement ตามรูปด้านล่าง ให้คลิกที่ I Agree เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

3. Choose Install Location ตามรูปด้านล่าง สามารถที่จะ Browse เพื่อเลือก Folder ที่ต้องการติดตั้งได้ หลังจากที่เลือกเรียบร้อยแล้วก็คลิก Next ต่อดำเนินการขั้นต่อไป

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

4. Choose Components โปรแกรมจะเลือกให้แล้ว สามารถที่จะคลิก Next เพื่อไปยังหน้าต่อไปได้เลย

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

5. Choose Start Options จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ จากนั้นให้คลิก Next ต่อไปได้เลย

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

6. Get the Most Out of Winamp ตามรูปด้านล่าง ให้คลิก Next เพื่อดำเนินการต่อไป
ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

7. Install Grooveshark ตามรูปด้านล่าง เลือก I do not want to install Grooveshark แล้วคลิก Install เพื่อติดตั้งโปรแกรม Winamp

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp


8. รอจนโปรแกรมติดตั้งลงเครื่องของท่านจนเสร็จสิ้น ดังภาพด่านล้าง

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp


9. Installation Complete ตามรูปด้านล่าง ให้คลิกที่ Finish เป็นอันเสร็จสิ้นการลงโปรแกรม Winamp และเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมได้
ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

10. เลือกหน้าตาของ Winamp ตามที่ชอบ แล้วให้คลิกที่ Next เพื่อดำเนินการต่อไป

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

11. ให้ติ๊กถูกประเภทของไฟล์ที่จะใช้งานกับ Winamp โดยต้องเลือกทั้งหมด จากนั้นให้คลิก Next เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

12. เลือกบริการอื่นของ Winamp แล้วให้คลิก Next เพื่อดำเนินการต่อไปขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

13. User Feedback ไม่ต้องกรอกอะไรก็ได้ ให้คลิก Finish ได้เลย ก็จะเป็นอันเสร็จสิ้น สามารถใช้งาน Winamp ได้แล้ว
ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp

14. หน้าตาของโปรแกรม Winamp

ขั้นตอนการติดตั้ง Winamp



การติดตั้ง Power DVD โปรแกรมสำหรับดูภาพยนตร์

โปรแกรม Power DVD เป็น Software จาก www.cyberlink.com.tw ใช้สำหรับดูภาพยนตร์จาก VCD หรือ DVD ก็ได้ โปรแกรมนี้ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมากๆ ทีเดียว มีลูกเล่นได้หลายอย่าง วิธีติดตั้งเริ่มจากหา ดาวน์โหลด มาก่อนจากเว็บไซต์ด้านบนนี้


1. เริ่มต้น setup โดยกดดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ setup แล้วคลิก next

2.              กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป ไป ที่ Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

3.              กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


4.             ใส่ชื่อและ CD-Key และกดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

5.              กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

6.              กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

7.              ยกเลิกการเลือกที่ช่อง Yes, I want to register now! ออกก่อนนะครับแล้วกด Finish


8.              กดที่ Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป



9.              กดที่ OK เป็นอันจบขั้นตอนการติดตั้ง พร้อมใช้งานได้ทันทีครับ



วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 11 เรื่อง การติดตั้งและใช้งานโปรแกรม WinZip

บทที่ 11 เรื่อง การติดตั้งและใช้งานโปรแกรม WinZip 


                   วินซิปเป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์โปรแกรมหนึ่งที่ต้องมีไว้ประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ วินซิปเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับบีบอัดไฟล์หรือข้อมูลที่ต้องการทำให้มีขนาดไฟล์ที่เล็กพอที่จะทำการจัดเก็บลงในสื่อบันทึกข้อมูลที่ต้องการได้ นอกจากวินซิปแล้วยังมีโปรแกรมช่วยในการบีบอัดข้อมูลอีกหลายตัว เช่น WinRAR, ZipDisk เป็นต้น ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
                     โปรแกรมวินซิปในปัจจุบัน  เป็นเวอร์ชั่น 11.1 ซึ่งมีลักษณะการใช้งานแทบจะไม่แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าเลยเรียกได้ว่าจะลงเวอร์ชั่นไหนก็ใช้งานได้แทบจะเหมือนกันจากตัวอย่างนี้จะใช้วินซิปเวอร์ชั่น 11.1



วิธีการติดตั้งโปรแกรม WinZip

Winzip เป็นโปรแกรมบีบอัดไฟล์ ที่สามารถหาดาวน์โหลดฟรีได้จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งตอนนี้มีไปถึงเวอร์ชั่น 11.1

หลังจากดาวน์โหลดตัวติดตั้งโปรแกรมมาแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิ้กที่ไอค่อน เพื่อดำเนินการติดตั้ง


จากนั้นจะมีขั้นตอนต่างๆ ระหว่างการติดตั้งเด้งขึ้นมา ก็ให้กดตามแต่ละขั้นตอนไป
เริ่มต้นด้วยการกด Setup


จากนั้นจะมีให้เลือกโฟล์เดอร์ที่จะทำการเก็บโปรแกรม หากไม่จำเพาะเจาะจงจะเก็บไว้ที่ใด ก็ให้กด OK ต่อไป โปรแกรมจะแนะนำให้เก็บไว้ที่ C:\Program Files\WinZip



จากนั้นก็ให้กด Next และ Yes ไปเรื่อยๆ ตัวโปรแกรมเองได้ตั้งค่าการติดตั้งขั้นต้น ให้เหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงมิต้องกังวลใดๆ




ถึงขั้นตอนนี้ สำหรับผู้ใช้มือใหม่ ให้เลือก Start with WinZip Classic


แล้วทำการกด Next ต่อไปเรื่อยๆ ตามขั้นตอนที่แนะนำ


ขั้นตอนสุดท้ายให้กด Finish เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมวินซิป


ในการเปิดการใช้งานวินซิปครั้งแรก จะมีหน้าต่างทิปเด้งขึ้นมา เป็นทิบการใช้งานโปรแกรมวินซิป หากไม่ต้องการให้ WinZip Tip of the day เด้งขึ้นมาอีก ก็ให้ไปเลือกเป็น Never show tips at startup (ไม่ต้องโชว์ทิปส์ในตอนเริ่มต้นอีกต่อไป) แล้วกด Close จากนั้นการเปิดใช้งานครั้งต่อๆ ไปก็จะไม่มีหน้าต่างนี้เด้งขึ้นมากวนใจอีกเลย



ในกรณีที่โหลดตัวติดตั้งอย่าง "ไม่ฟรี" มา หลังจากติดตั้งโปรแกรมแล้ว ตอนเปิดใช้งาน ที่มุมบนของหน้าต่างวินซิป จะมีคำว่า Unregistered หมายถึง ยังไม่ได้ทำการลงทะเบียน
หากท่านมีโค้ดลงทะเบียนอยู่แล้ว ก็สามารถไปลงทะเบียนใช้งานโปรแกรมได้ด้วยการกดที่ Help --> Enter Registration Code



จากนั้นก็ทำการกรอกชื่อ และเบอร์โค้ด แล้วกด OK หากไม่มี หรือเบอร์โค้ดที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาลงทะเบียนกับโปรแกรมได้ ก็ให้กดที่ Continue Unregistered เพื่อใช้งานเวอร์ชั่นทดลอง ซึ่งจะมีระยะเวลาหมดอายุ จะไม่สามารถใช้งานได้ต่อหลังจากหมดอายุการใช้งาน


หากว่าลงทะเบียนได้สำเร็จ เมื่อเปิดมาใช้งาน ก็จะไม่เห็นตัวUnregistered อีกต่อไป




วิธีการใช้งานโปรแกรมบีบอัพไฟล์วินซิปขั้นพื้นฐาน


เริ่มต้นด้วยการเลือกไฟล์ที่ต้องการบีบอัด ทำการคลิ้กขวา แล้วเลือก WinZip --> Add to Zip file ... เพื่อเตรียมการบีบไฟล์





หากไม่มีการตั้งค่าหรือปรับเปลี่ยนใดๆ แล้ว ให้กด Add เพื่อบีบอัดไฟล์ให้เป็น Zip file





เป็นอันเสร็จสิ้น โปรแกรมจะคงหน้าต่างนี้ไว้ บอกถึงข้อมูลในไฟล์ซิปนั้นๆ ว่ามีไฟล์อะไรอยู่ข้างในบ้าง

หากเสร็จสิ้นการทำงาน ก็แค่ให้กดตัวกากบาทที่มุมขวาบน เพื่อปิดโปรแกรม





ในกรณีที่ท่านจะไม่มีการเปลี่ยนชื่อใดๆ กับไฟล์ที่บีบอัด ก็สามารถเลือกบีบอัดที่ WinZip --> Add to cat001.zip ได้โดยตรง เพื่อประหยัดขั้นตอน ไฟล์ซิปที่ได้มา จะเป็นชื่อ cat001.zip โดยอัตโนมัติ อยู่ในโฟล์เดอร์นั้นๆ 




ในขณะที่ขั้นตอนดังตัวอย่างข้างบน จะมีช่องให้ท่านกรอกชื่อเอง และสามารถเลือกที่เก็บไฟล์ซิปได้เอง


อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าโปรแกรมบีบอัดไฟล์ สามารถบีบอัดหลายๆ ไฟล์ให้อยู่ในกล่องเดียวกัน เพื่อสะดวกต่อการอัพโหลด/ดาวน์โหลด หากท่านต้องการบีบหลายๆ ไฟล์รวมกัน ก็ให้ทำการคลุมไฟล์ที่ต้องการ (สามารถใช้วิธีคลิ้กเลือกไฟล์ บวกกับการกด Ctrl ค้างเอาไว้ เพื่อเลือกไฟล์อื่นๆ ในโฟล์เดอร์เดียวกัน) แล้วคลิ้กขาว WinZip --> Add to Cat.zip
ในที่นี้ ชื่อไฟล์ default ที่ได้ จะเป็นชื่อโฟลเดอร์นั้นๆ ที่เปิดใช้งานอยู่




หรือจะใช้วิธีคลิ้กขวา เลือก WinZip --> Add to Zip file ... แล้วกด New เพื่อใส่ชื่อไฟล์ แล้วกด Add เพื่อสร้างไฟล์ซิป



ไฟล์ที่ได้ในไฟล์บีบอัดนั้นๆ ก็จะเป็นไฟล์ต่างๆ ที่ท่านเลือกไว้



หรือจะทำการบีบอัดไฟล์ทั้งโฟล์เดอร์เลยก็ได้ หากไม่ต้องจำเพาะเจาะจงคัดเลือกไฟล์ใดๆ



การแตกไฟล์วินซิป

เมื่อท่านได้รับไฟล์บีบอัดมา หรือต้องการแตกไฟล์ที่ตนเองบีบอัดไว้มาใช้งาน ท่านสามารถแตกไฟล์ (คลายไฟล์) ได้ด้วยการคลิ้กขวาที่ไฟล์นั้นๆ แล้วเลือก WinZip --> Extract 





ในที่นี้จะมีให้เลือกสองอย่าง ระหว่าง
Extract to... ซึ่งตรงนี้จะขึ้นหน้าต่างใหม่ เพื่อถามหาที่เก็บไฟล์






เมื่อเลือกที่เก็บไฟล์ได้แล้ว ก็กด Extract เพื่อแตกไฟล์ได้เลย

และ Extract to here ซึ่งก็คือแตกไฟล์ลงในโฟล์เดอร์นั้นๆ เลย






วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 10 เรื่อง การติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ESET Smart Security 6

บทที่ 10 เรื่อง การติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ESET Smart Security 6


โปรแกรมแอนตี้ไวรัสคือ ?


ป้องกันไวรัสหรือ แอนตี้ไวรัส เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อคอยดักจับ ป้องกัน และกำจัดโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์หรือมัลแวร์ ซึ่งหมายถึง ไวรัส เวิร์ม โทรจัน สปายแวร์ แอดแวร์ และซอต์ฟแวร์คุกคามประเภทอื่นๆ

โปรแกรมป้องกันไวรัสแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆคือ
1. แอนติไวรัส (anti-virus) เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วๆ ไป
2. แอนติสปายแวร์ (anti-spyware) เป็นโปรแกรมป้องกันการโจรกรรมข้อมูล


โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสจะค้นหาและกำจัดไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราตลอดเวลาที่เปิดใช้งาน แต่ทุกๆวันนี้ไวรัสมีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ เราจึงต้องมีการอัปเดตตัวโปรแกรมของเราให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา


ในบทนี้ผมจะยกตัวอย่างโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่มานำเสนอวิธีการติดตั้งแบบคร่าวๆ โดยโปรแกรมที่ว่านั้นคือ ESET Smart Security 6  



ESET Smart Security 6 

โปรแกรมป้องกันไวรัส ESET NOD32 Antivirus 6 หรือ ESET NOD32 Smart Security 6 เวอร์ชันที่มาพร้อมกับไฟร์วอลล์ เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอีกตัวหนึ่งที่น่าใช้ NOD32 Antivirus 6 มีฟังก์ชันการสแกนไวรัส อัพเดทไวรัสที่ไม่ทำงานหนัก หากต้องการเปลี่ยนnod32 password เพื่ออัพเดทก็สามารถทำได้ง่าย ใช้งานไม่ยุ่งยาก ประสิทธิภาพครบครัน



การติดตั้งโปรแกรม 

**ก่อนที่เราจะเริ่มติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสต่างๆ เราต้องทำการถอนการติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวเก่าออกก่อน เพราะถ้าหากเราติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสเพิ่มเข้าไปอีกนั้น จะทำให้โปรแกรมทำงานไม่เต็มที่และเกิดการขัดแย้งกันของตัวโปรแกรม **


สำหรับการติดตั้งโปรแกรม จะมีอยุ่ 2 แบบ คือ ติดตั้งจากแผ่น CD-Rom และติดตั้งแบบออนไลน์(การโหลดตัวติดตั้งจากอินเตอร์เน็ต)   ในที่นี้ผมจะขอนำเสนอเพียงการติดตั้งจากแผ่น CD-Rom  เนื่องจากเกิดอาการขี้เกลียดหน่อยๆ ^^



เริ่มแรกทำการใส่แผ่นซีดีตัวโปรแกรมเข้าไปในเครื่อง หากการติดตั้งไม่ได้เริ่มขึ้นอัตโนมัติ ให้ไปที่ My Computer คลิกที่ ESET

ขั้นตอนที่ 1  เลือกภาษาที่ต้องการจะติดตั้งแล้วคลิก "ติดตั้ง"



ขั้นตอนที่ 2   คลิก  " ถัดไป "


ขั้นตอนที่ 3 หากต้องการดาวน์โหลดหรือติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่ สามารถคลิกเลือกดาวน์โหลดและติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่ได้  (หากไม่ต้องการให้คลิกเครื่องหมายถูกออก) "ถัดไป"


ขั้นตอนที่ 4  คลิก  ถัดไป



ขั้นตอนที่ 5   คลิกยอมรับข้อตกลงของโปรแกรมจากนั้น คลิก  ถัดไป


ขั้นตอนที่ 6   เลือกปกติ(แนะนำการตั้งค่าที่ดีที่สุด) แล้วคลิก  ถัดไป


ขั้นตอนที่ 7    เลือก  ฉันตกลงเข้าร่วมใน ESET Live  Grid แล้ว คลิก ถัดไป


ขั้นตอนที่ 8   ในหน้านี้ให้เลือก เปิดใช้งานการตรวจหาแอพพลิเคชั่นที่ไม่อาจพึงประสงค์   แล้วคลิก   ถัดไป


ขั้นตอนที่ 9    คลิก  ติดตั้ง




ขั้นตอนที่ 10   เมื่อติดตั้งเสร็จ คลิก  สิ้นสุด




ขั้นตอนที่ 11   คลิก เครือข่ายที่บ้าน/ที่ทำงาน



ขั้นตอนที่ 12   ในหน้านี้ให้เลือก เปิดใช้งานโดยใช้รหัสการเปิดใช้งาน จากนั้นคลิก ถัดไป




ขั้นตอนที่ 13   กรอกข้อมูลที่จำเป็นลงไป จากนั้นคลิก เปิดใช้งาน



ขั้นตอนที่ 14    หากป้อนรหัสการใช้งานถูกต้อง จะขึ้นหน้าต่างเปิดใช้งานเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นคลิก  สิ้นสุด 


ขข
ขั้นตอนที่ 15   ในหน้านี้ให้เลือก เปิดใช้งานการป้องกันการโจรกรรม (คุณลักษณะนี้จะเป็นตัวเลือกหากไม่ต้องการให้คลิก  ข้าม )



ขั้นตอนที่ 16   ในหน้านี้ให้คลิก สร้างบัญชีใหม่ (หากมีบัญชีการป้องกันการโจรกรรมอยู่แล้วให้กรอกที่อยู่อีเมล์และรหัสผ่านจากนั้น คลิก เข้าสู่ระบบ)


ขั้นตอนที่ 17   กรอกชื่อคอมพิวเตอร์ของคุณ จากนั้นคลิก ถัดไป


ขั้นตอนที่ 18   คลิก สร้างบัญชีใหม่ออนไลน์



ขั้นตอนที่ 19  หน้าต่างสร้างบัญชี ESET ใหม่ จะเปิดเว็บเบราน์เซอร์เริ่มต้นของท่าน  กรอกข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด ให้เลือก ฉันยอมรับ ข้อกำหนดในการใช้งาน และต้องการรับข่าวสาร จากนั้นคลิก สร้างบัญชี  


ขั้นตอนที่ 20  หลังจากที่ท่านได้สร้างบัญชีของท่าน หน้าจอการป้องกันการป้องกันการโจรกรรมของ ESET จะเปิดเว็บของท่าน จากนั้นท่านจะสามารถตั้งค่าการป้องกันการโจรกรรมของท่านได้